PM 2.5 เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมากและส่งผลกระทบในหลายด้านที่คุณอาจจะ คาดไม่ถึง นอกเหนือจากอาการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจทั่วไป ผลกระทบที่หลายคนมองข้ามหรือไม่ค่อยทราบถึง ได้แก่:
🤯 ผลกระทบต่อระบบที่สำคัญของร่างกาย (ที่หลายคนมองข้าม)
-
สมองและระบบประสาท:
-
ฝุ่น PM 2.5 สามารถทะลุเข้าสู่กระแสเลือดและส่งผลกระทบโดยตรงต่อสมองได้
-
เพิ่มความเสี่ยงของโรคทางสมอง: เช่น โรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน
-
ส่งผลต่อการทำงานของสมอง: อาจทำให้ความจำแย่ลง สติปัญญาด้อยลง และมีปัญหาด้านสมาธิ (สมาธิสั้น)
-
เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง: เช่น เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก
-
-
ผิวหนัง:
-
ฝุ่นละอองขนาดเล็กสามารถเข้าสู่รูขุมขนและเส้นผม
-
ทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง: เช่น ผื่นคัน สิว และผิวอักเสบ
-
เร่งให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย: ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำและเหี่ยวย่นเร็วกว่าปกติ
-
-
ระบบภูมิคุ้มกัน:
-
ฝุ่น PM 2.5 ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานลดลง
-
ทำให้ป่วยง่ายขึ้น: ร่างกายติดเชื้อและฟื้นตัวจากอาการป่วยได้ช้าลง
-
กระตุ้นอาการแพ้: เพิ่มความรุนแรงของปฏิกิริยาภูมิแพ้เดิม
-
-
ดวงตา:
-
นอกจากอาการระคายเคืองตาแดงแล้ว ฝุ่นยังทำลายชั้นน้ำตา
-
เพิ่มความเสี่ยงโรคตา: เช่น ตาแห้ง ต้อเนื้อ ต้อลม และตากุ้งยิงได้
-
🤰 ผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบาง
-
สตรีมีครรภ์และทารกในครรภ์:
-
ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบถึงทารกในครรภ์
-
เพิ่มความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนด
-
น้ำหนักแรกเกิดต่ำ
-
พัฒนาการทางสมองช้า
-
เพิ่มโอกาสในการแท้งบุตร
-
⚠️ ผลกระทบต่อโรคร้ายแรงระยะยาว
แม้ว่าผลกระทบระยะสั้นจะเป็นอาการเกี่ยวกับทางเดินหายใจและดวงตา แต่ผลกระทบระยะยาวคือความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก:
-
โรคหัวใจและหลอดเลือด: ฝุ่นเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้หลอดเลือดอักเสบและเกิดการสะสมของตะกอน นำไปสู่ หัวใจขาดเลือด หัวใจเต้นผิดจังหวะ และหัวใจวายเฉียบพลัน
-
มะเร็งปอด: การสัมผัสฝุ่น PM 2.5 เป็นระยะเวลานานเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอดอย่างมีนัยสำคัญ
-
โรคปอดเรื้อรัง: เช่น โรคถุงลมโป่งพอง และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
การป้องกันตนเองจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อแทบทุกระบบในร่างกายของเรา


